วานนี้ (8 พ.ย.) ในประชาคมออนไลน์ได้มีการเผยแพร่ภาพเปรียบเทียบ ลักษณะของตู้เอทีเอ็มที่มีการติดตั้งเครื่องดูดข้อมูล และเครื่องปกติ ว่ามีความแยกต่างกันอย่างไร เพื่อเตือนให้ประชาชนได้เฝ้าระวังสังเกตุและไม่ต้องตกเป็นเหยื่อได้
ก่อนใช้งานตู้ ATM ทุกตู้ควรสำรวจว่ามีชิ้นส่วนไหนของตู้ที่มีลักษณะไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันมาตั้งแต่ เเรก เช่นลูบบริเวรที่เสียบบัตรเเล้วรู้สึกว่าเหมือนมีการทากาวทับชิ้นส่วนเดิมอยู่ หรือกดแป้นพิมเเล้ว กดยากกดไม่ลง แป้นไม่มีความเเน่นหนาจนกดเเล้วรู้สึกได้ ให้ระวังตัวไว้ก่อนเพราะมีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีมิจฉาชีพคอยดักจับข้อมูลอยู่
บางครั้งคนร้ายก็จะทำ Number Pad ตัวปลอมขึ้นมาซ้อนทับกับปุ่มกดเลขตัวจริง โดยทำให้มีลักษณะภายนอกและขนาดที่คล้ายคลึงกัน จนผู้ใช้งานที่ไม่ทันสังเกต ตกเป็นเหยื่อได้อย่างง่ายดาย
สำหรับวิธีการเบื้องต้นที่ป้องกันการตกเป็นเหยื่อของปก๊งมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าว ควรปฏิบัติดังนี้ คือ
1.สังเกตความผิดปกติของตู้ ATM เช่น ปุ่มกดนูนผิดปกติ หรือช่องเสียบบัตรไม่มีแสงไฟกระพริบ
2.ถ้ามีป้ายโฆษณาหรือกล่องใส่โบรชัวร์มาแปะอยู่ข้างๆ ตู้ สันนิษฐานว่าอาจจะมีการซ่อนกล้องไว้แล้วเอาของอย่างอื่นมาบัง
3.เลือกใช้งานตู้ ATM ที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาบ่อยๆ เพราะเป็นการยากที่จะมีคนมาวางอุปกรณ์ดักไว้
4.ใช้มือบังขณะที่กดรหัสบัตร ATM เพื่อป้องกันกรณีที่มีกล้องแอบถ่ายขณะที่ใช้งาน
5.หากพบความผิดปกติใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับตู้ ATM ให้ยกเลิกการใช้งานและรีบแจ้งธนาคารทันที
6.เปลี่ยนรหัสบัตร ATM อย่างสม่ำเสมอ เช่น 3 เดือนครั้ง
7.ให้ระวัง หากมีคนแปลกหน้ามาติดต่อพูดคุยในระหว่างใช้งานตู้ ATM เนื่องจากอาจถูกหลอกลวงเพื่อขโมยรหัสบัตร ATM หรือใช้อุปกรณ์ที่สามารถขโมยข้อมูลของบัตรได้
ส่วนวิธีการจัดการหลังตกเป็นเหยื่อแล้วนั้น ให้ทำการดังนี้คือ
1.รีบติดต่อกับธนาคารเจ้าของบัตร เพื่อทำการอายัดบัตรโดยเร็ว
2.ตรวจสอบข้อมูลการใช้งานบัตร ATM อย่างสม่ำเสมอ
3.เปลี่ยนรหัสบัตร ATM เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลไปใช้
